ทำงานจากบ้าน ทางเลือกใหม่ของ Call Center

ทุกวันนี้พนักงาน Call Center ถือเป็นหัวใจสำคัญขององค์กร ที่ประกอบธุรกิจทางด้านการบริการ เพราะต้องให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด เพื่อให้ลูกค้าได้รับบริการดีที่สุด แต่เมื่อพนักงาน Call Center ต้องอยู่กะดึก ก็จะมีปัญหาในเรื่องความปลอดภัยในการเดินทางกลับบ้านในยามวิกาล แม้บางบริษัทจะมีรถรับส่งพนักงาน แต่ก็ส่งเฉพาะจุดใหญ่ๆ เท่านั้น ทำให้ไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยของพนักงานบางคนที่บ้านอยู่ในซอยลึกได้ 100%

พนักงานที่ต้องการทำงานที่บ้านจะต้องมีความพร้อม ดังต่อไปนี้คือ

  1. ที่ พักต้องไม่มีเสียงรบกวนใดๆ ระหว่างให้บริการ ดังนั้นพนักงานที่พักตามหอพักหรืออพาร์ตเมนต์อาจจะหมดสิทธิ์ เพราะคงหลีกเลี่ยงปัญหาในเรื่องเสียงรบกวนได้ยาก
  2. ที่พักต้องสามารถต่ออินเทอร์เน็ตได้
  3. พนักงานต้องมีวินัยในการทำงาน และมีประสบการณ์ทำงานไม่น้อยกว่า 1 ปี
  4. พนักงานต้องกล้าตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยตัวเอง
  5. มีไหวพริบในการแก้ปัญหา

โดยบริษัทจะเป็นผู้จัดเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นในการทำงานให้ทั้งหมด ซึ่งได้แก่ โน้ตบุ๊ก โมเด็มที่ใช้ในการเชื่อมต่อเข้ากับระบบ Call Center ของ บริษัท ซึ่งมีระบบรักษาความปลอดภัยฝังอยู่ในตัวเครื่อง อุปกรณ์ Head Set และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ราคารวมต่อคนประมาณ 30,000 บาท

เมื่อพนักงานสามารถทำงานจากที่บ้านได้ จึงไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทาง ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย มีความเป็นส่วนตัว และมีความสุขในการทำงานเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการให้บริการแก่ลูกค้าที่ดีขึ้น ยิ่งในช่วงที่ค่าครองชีพสูงขึ้นอย่างในปัจจุบันนี้ การทำงานจากที่บ้านยังช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มาก ทั้งยังไม่ต้องเสี่ยงในเรื่องของความปลอดภัยในยามวิกาลอีกด้วย นอกจากไม่ต้องเดินทางไปทำงานแล้ว ความสะสวกจากการทำงานที่บ้านยังทำให้พนักงานสามารถทำงานนอกเวลา (โอที) เพิ่มขึ้น สร้างรายได้เพิ่มขึ้นอีก

ในแง่ของบริษัทพบว่า คนทำงานด้าน Call Center ส่วนใหญ่แล้ว Turn Over จะค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับแผนกอื่นๆ การให้เขาทำงานที่บ้านจะช่วยให้อัตราการลาออกของพนักงานลดลง ซึ่งนี่ก็น่าจะเป็นทางออกหนึ่งในการรักษาพนักงานให้อยู่กับองค์กรแบบยาวนาน

บริษัทไหนสนใจนำวิธีนี้ไปทดลองใช้ก็ไม่ว่ากัน หากมันจะช่วยให้พนักงาน Call Center สามารถดูแลลูกค้าได้ดีขึ้นจริงๆ ก็คงจะคุ้มค่าไม่น้อยเลยนะคะ