ก่อนอื่นให้เรามองก่อนว่าข้อมูลเสียงก็เหมือนกับข้อมูลทั่วไป เช่น E-mail, Web, FTP ทำไมต้องมองอย่างนั้น E-mail มีผู้ส่งและมีผู้รับ ส่วนเสียงก็เหมือนกันครับ มีฝั่งต้นทางและปลายทาง โดยทั้งเสียงและEmail เดินทางผ่าน Internet Protocol Network เมื่อเข้าใจส่วนนี้ ไม่แปลกที่สามารถทำการสนทนากันได้
การทำงานของ Internet Protocol Network
– สัญญาณข้อมูลจะถูกแบ่งออกเป็นส่วน ๆ เพื่อส่งออกไปตามเส้นทางบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
– ข้อมูลที่ถูกแบ่งไปถึงยังปลายทาง จะใช้เวลาและลำดับไม่พร้อมเพรียงกัน
– หลังจากนั้นจะมี Protocol อีกหนึ่งตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง คือ Transmission Control Protocol (TCP) ซึ่ง TCP นี้จะเข้ามาช่วยเกี่ยวกับการเรียงลำดับ ข้อมูลที่มาถึงยังปลายทางนี้ให้ อยู่ในลำดับและรูปแบบที่ถูกต้องเหมือนข้อมูลต้นแบบก่อนที่จะถูกส่งออกมา
– Protocol IP นี้จะเป็น Protocol การสื่อสารแบบที่เรียกว่า Connectionless Protocol ซึ่งเป็นการสื่อสารที่จุดต้นทางและปลายทางของการสื่อสารไม่จำเป็นที่จะต้อง สร้างการเชื่อมต่อขึ้นมา ณ เวลาที่ต้องการทำการสื่อสาร
กระบวนการทำงานของเทคโนโลยี VoIP
1. Conversion to PCM (Pulse Code Modulation): เป็นการแปลงสัญญาณ Analog ให้ไปอยู่ในรูปสัญญาณ Digital
2. Removal of Echo: เป็นการแยกสัญญาณออกเป็นส่วน ๆ เพื่อทำการตัดสัญญาณ Echo ออก ซึ่งกระบวนการการนี้จะถูกจัดการโดย DSP (Digital Signal Processors)
3. Framing: สัญญาณส่วนที่เหลือจะถูกแบ่งและจัดรูปแบบขึ้นมาใหม่ในรูปของ Frame ซึ่งกระบวนการนี้จะถูกจัดการโดยรูปแบบ CODEC หลังจากนั้น Frame ของสัญญาณจะถูกสร้างขึ้น4. Packetisation: เป็นการเปลี่ยน Frame ของสัญญาณให้มาอยู่ในรูปของ Packet แล้วถูกส่งต่อไปที่ Host Processor
5. Address and Delivery: ข้อมูลจะถูกนำมาวิเคราะห์และใส่ค่า IP Address ปลายทาง
6. Conversion to Analog: เมื่อ Packet ไปถึงปลายทาง ข้อมูล Header เหล่านี้จะถูกแยกออกเพื่อให้เหลือแค่ Voice Frame หลังจากนั้นก็จะทำการแปลงสัญญาณ Digital PCM ให้กลับมาเป็นสัญญาณรูปแบบ Analog ที่เป็นสัญญาณเสียงที่เราได้ยินกันอีกครั้งหนึ่ง
7. Error Correction: เป็นกระบวนการในการตรวจสอบและแก้ไขข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการส่งสัญญาณ
มาตรฐานของเทคโนโลยี VoIP โดยทั่วไปจะมีอยู่ 2 มาตรฐาน คือ
1. H.323 Standard
โดยทั่วไปแล้วระบบนี้ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ใช้งานกับระบบเครือข่ายที่ใช้ IP นอกจากนั้นมาตรฐานนี้มีการทำงานที่ค่อนข้างช้า โดยปกติจะใช้ก็ต่อเมื่อในระบบเดิมของลูกค้ามีการใช้มาตรฐาน H.323 อยู่แล้วเท่านั้น
2. SIP (Session Initiation Protocol) Standard
เป็นมาตรฐานใหม่ในการใช้งานของเทคโนโลยี VoIP ซึ่งมาตรฐาน SIP ได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้กับระบบ IP โดยเฉพาะ ซึ่งโดยปกติแล้วจะแนะนำให้ลูกค้าใหม่ที่จะมีการใช้ VoIP ให้มีการใช้งานอยู่บนมาตรฐาน SIP และเป็นมาตรฐานที่มี Reliability ที่ค่อนข้างสูง